แนะนำ รถขัดพื้นแบบเดินตามหรือนั่งขับ เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง

แนะนำ รถขัดพื้นแบบเดินตามหรือนั่งขับ เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง การทำความสะอาดพื้นในพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นงานที่ต้องใช้แรงงานและเวลาไม่น้อย โดยเฉพาะในสถานที่ที่ต้องการความสะอาดอยู่เสมอ เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม หรือโกดังสินค้า หากใช้แรงงานคนเพียงอย่างเดียว อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง และต้องใช้เวลานานกว่าจะทำความสะอาดเสร็จ

เพื่อแก้ปัญหานี้ รถขัดพื้น จึงเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็ว โดยมีให้เลือก 2 ประเภทหลัก ได้แก่ รถขัดพื้นแบบเดินตาม และ รถขัดพื้นแบบนั่งขับ แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและลักษณะงานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนแรงงาน และช่วยยืดอายุการใช้งานของพื้นผิว

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับรถขัดพื้นทั้งสองประเภท รถขัดพื้นแบบเดินตามหรือนั่งขับ รวมถึงข้อดี ข้อเสีย และคำแนะนำในการเลือกใช้งาน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์กับธุรกิจหรือองค์กรของคุณได้มากที่สุด

ในการทำความสะอาดพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โรงงาน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์ประชุม การใช้เครื่องมือทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ หนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพก็คือ รถขัดพื้น (Floor Scrubber Machine) ซึ่งช่วยลดระยะเวลาทำงานและทำให้พื้นสะอาดขึ้นกว่าการใช้แรงงานคน

รถขัดพื้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. รถขัดพื้นแบบเดินตาม (Walk-Behind Scrubber)
  2. รถขัดพื้นแบบนั่งขับ (Ride-On Scrubber)

แต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับพื้นที่และลักษณะงานที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกใช้ให้เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุน และยืดอายุการใช้งานของพื้นผิวได้เป็นอย่างดี

1. รถขัดพื้นแบบเดินตาม (Walk-Behind Scrubber)

ลักษณะของรถขัดพื้นแบบเดินตาม

รถขัดพื้นประเภทนี้มีขนาดเล็กถึงปานกลาง ออกแบบให้ผู้ใช้งานสามารถ เดินตามและควบคุมการทำงานด้วยมือ ตัวเครื่องมักมีระบบแปรงขัดพื้นและระบบดูดน้ำกลับเพื่อให้พื้นแห้งเร็ว ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากพื้นลื่น

โดยทั่วไปจะใช้พลังงานจาก แบตเตอรี่หรือไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อที่เลือกใช้ รถขัดพื้นประเภทนี้เหมาะกับสถานที่ที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก หรือมีสิ่งกีดขวางเยอะ

ข้อดีของรถขัดพื้นแบบเดินตาม

  • ขนาดเล็กกะทัดรัด – สามารถเข้าไปทำความสะอาดตามซอกมุมหรือพื้นที่แคบได้ง่าย เช่น ทางเดินแคบหรือห้องเล็กๆ
  • ใช้งานง่าย – ผู้ใช้สามารถควบคุมได้สะดวก ไม่ต้องมีทักษะพิเศษ
  • ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย – มีราคาถูกกว่ารถขัดพื้นแบบนั่งขับ และประหยัดไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่มากกว่า

ข้อเสียของรถขัดพื้นแบบเดินตาม

ต้องใช้แรงงานคนมากกว่า – ผู้ใช้ต้องเดินตามและควบคุมการเคลื่อนที่ของเครื่องเอง อาจทำให้เหนื่อยล้าหากต้องทำความสะอาดพื้นที่ขนาดใหญ่
ความเร็วในการทำงานต่ำกว่า – เมื่อเทียบกับรถขัดพื้นแบบนั่งขับ การทำงานอาจใช้เวลานานกว่า

พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับรถขัดพื้นแบบเดินตาม

  • ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อ – ใช้ขัดพื้นบริเวณร้านค้า ที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการความสะอาดอยู่เสมอ
  • สำนักงานและโรงพยาบาล – พื้นที่ที่ต้องการความสะอาดและปลอดเชื้อ เช่น ทางเดิน หรือห้องผู้ป่วย
  • โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย – ใช้ขัดพื้นในห้องเรียนหรือโถงทางเดินที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก
  • อาคารที่มีสิ่งกีดขวางเยอะ – เช่น โรงแรมหรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่มีเฟอร์นิเจอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆ

2. รถขัดพื้นแบบนั่งขับ (Ride-On Scrubber)

ลักษณะของรถขัดพื้นแบบนั่งขับ

รถขัดพื้นแบบนั่งขับเป็นเครื่องจักรทำความสะอาดที่ มีขนาดใหญ่ขึ้น และให้ผู้ใช้ นั่งบนตัวเครื่องและควบคุมด้วยพวงมาลัย รถขัดพื้นประเภทนี้ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่หรือเชื้อเพลิง ขึ้นอยู่กับรุ่น โดยมีระบบขัดพื้นและดูดน้ำกลับในตัว

เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดใหญ่และทรงพลัง สามารถทำความสะอาดพื้นที่กว้างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับสถานที่ที่ต้องการความสะอาดสูงและมีขนาดพื้นที่กว้าง

ข้อดีของรถขัดพื้นแบบนั่งขับ

  • ทำงานได้รวดเร็ว – สามารถขัดพื้นในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้เร็วกว่าแบบเดินตามหลายเท่า
  • ลดความเหนื่อยล้าของพนักงาน – ไม่ต้องเดินตาม เพียงแค่ขับและควบคุมการทำงาน
  • ประสิทธิภาพการทำความสะอาดสูง – ขจัดคราบสกปรกหนักๆ ได้ง่ายกว่ารถขัดพื้นขนาดเล็ก

ข้อเสียของรถขัดพื้นแบบนั่งขับ

  • ราคาสูงกว่ารถขัดพื้นแบบเดินตาม – อาจเป็นข้อจำกัดสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
  • ใช้พื้นที่เยอะในการเก็บรักษา – เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ต้องมีพื้นที่สำหรับจอดเก็บ
  • ไม่เหมาะกับพื้นที่แคบ – ไม่สามารถเข้าถึงซอกมุมหรือพื้นที่ที่มีสิ่งกีดขวางเยอะได้ดี

พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับรถขัดพื้นแบบนั่งขับ

  • โรงงานอุตสาหกรรม – เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ต้องทำความสะอาดบ่อย เช่น โกดัง หรือโรงงานผลิต
  • ห้างสรรพสินค้าและศูนย์ประชุม – ใช้ขัดพื้นในพื้นที่กว้างที่มีคนสัญจรเยอะ
  • สนามบินและสถานีขนส่ง – ช่วยรักษาความสะอาดของพื้นที่ที่มีการใช้งานต่อเนื่อง
  • โรงแรมและรีสอร์ท – ใช้ขัดพื้นในโถงทางเดินขนาดใหญ่หรือห้องจัดเลี้ยง

การเลือกใช้รถขัดพื้นให้เหมาะสม

การเลือกใช้รถขัดพื้นให้เหมาะสมกับลักษณะงานและสถานที่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ลดต้นทุนแรงงาน และยืดอายุการใช้งานของพื้นผิว ปัจจัยหลักที่ควรพิจารณา ได้แก่

🔹 ขนาดพื้นที่ – หากเป็นพื้นที่ขนาดเล็กหรือมีทางเดินแคบ เช่น สำนักงานขนาดเล็ก ร้านค้า หรือร้านอาหาร รถขัดพื้นแบบเดินตาม จะตอบโจทย์มากกว่า เนื่องจากมีขนาดกะทัดรัดและสามารถเข้าถึงพื้นที่แคบได้ง่าย ในขณะที่พื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ศูนย์การค้า โรงงาน หรือโกดังสินค้า ควรเลือก รถขัดพื้นแบบนั่งขับ เพราะช่วยลดเวลาในการทำความสะอาดและเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน

🔹 งบประมาณ – รถขัดพื้นแบบเดินตามมักมีราคาถูกกว่ารถขัดพื้นแบบนั่งขับ หากธุรกิจมีงบประมาณจำกัดและต้องการลดต้นทุนในการซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาด อาจเลือกใช้รถขัดพื้นแบบเดินตามที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ดีพอสมควร อย่างไรก็ตาม หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานในระยะยาว รถขัดพื้นแบบนั่งขับอาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า

🔹 ความสะดวกในการใช้งาน – หากต้องการลดภาระของพนักงานทำความสะอาดและต้องการให้การทำงานรวดเร็วขึ้น รถขัดพื้นแบบนั่งขับเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะสามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างได้ภายในเวลาอันสั้น ลดความเหนื่อยล้าของผู้ใช้งาน และทำให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

🔹 ประเภทของพื้นผิว – การเลือกใช้รถขัดพื้นควรคำนึงถึงประเภทของพื้น เช่น

  • พื้นกระเบื้องและพื้นหินอ่อน ควรใช้รถขัดพื้นที่มีแปรงขัดที่อ่อนโยนเพื่อลดการขีดข่วน
  • พื้นซีเมนต์หรือคอนกรีต ควรใช้รถขัดพื้นที่มีแปรงขัดที่แข็งแรงขึ้นเพื่อขจัดคราบสกปรกที่ฝังแน่น
  • พื้นพรม แม้ว่ารถขัดพื้นทั่วไปจะไม่เหมาะกับพื้นพรม แต่สามารถใช้ร่วมกับเครื่องดูดฝุ่นอุตสาหกรรมเพื่อให้พื้นพรมสะอาดยิ่งขึ้น

การบำรุงรักษารถขัดพื้น

รถขัดพื้นเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ช่วยให้พื้นสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลาการทำความสะอาดและแรงงานคน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้รถขัดพื้นทำงานได้ดีและมีอายุการใช้งานยาวนาน การบำรุงรักษาเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่มีการดูแลที่เหมาะสม อาจทำให้เครื่องทำงานผิดปกติหรือเสียหายก่อนเวลาอันควร

ในบทความนี้ เราจะอธิบายแนวทางการบำรุงรักษารถขัดพื้นที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้เครื่องอยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งานอยู่เสมอ


1. การบำรุงรักษาประจำวัน (Daily Maintenance)

หลังจากใช้งานรถขัดพื้นเสร็จในแต่ละวัน ควรทำความสะอาดและตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้เครื่องพร้อมใช้งานในครั้งต่อไป

1.1 ล้างถังเก็บน้ำเสียและถังน้ำสะอาด

  • เทน้ำเสียออกและล้างถังน้ำเสีย ทุกครั้งหลังใช้งาน เพราะน้ำเสียอาจมีเศษฝุ่น คราบสกปรก หรือสารเคมีที่อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และการอุดตัน
  • เติมน้ำสะอาดลงในถังน้ำสะอาด พร้อมทั้งตรวจสอบระบบจ่ายน้ำให้ทำงานได้ปกติ

1.2 ทำความสะอาดแปรงขัดและแผ่นขัด

  • ถอดแปรงขัดหรือแผ่นขัดออกมาล้างน้ำ เพื่อกำจัดคราบฝุ่นและสิ่งสกปรก
  • ตรวจสอบการสึกหรอของแปรง หากขนแปรงเริ่มสั้นลงหรือแผ่นขัดหมดอายุ ควรเปลี่ยนใหม่

1.3 ทำความสะอาดยางรีดน้ำ (Squeegee Blades)

  • เช็ดทำความสะอาดยางรีดน้ำ เพื่อกำจัดคราบสกปรกที่ติดอยู่
  • ตรวจสอบว่ามีรอยฉีกขาดหรือไม่ หากยางรีดน้ำเสียหาย อาจทำให้ดูดน้ำได้ไม่ดี ควรเปลี่ยนใหม่

1.4 ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่

  • เสียบชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม และตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ว่ามีคราบสกปรกหรือขี้เกลือหรือไม่
  • อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยง เพราะอาจทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง

1.5 ตรวจสอบสายยางและระบบดูดน้ำ

  • ดูว่าสายยางดูดน้ำมีสิ่งอุดตันหรือไม่ หากมีเศษขยะหรือตะกอนอุดตัน ควรล้างทำความสะอาด
  • ตรวจสอบแรงดูดของเครื่องดูดน้ำ หากดูดน้ำได้ไม่ดี อาจต้องทำความสะอาดไส้กรอง

2. การบำรุงรักษารายสัปดาห์ (Weekly Maintenance)

นอกจากการบำรุงรักษาประจำวันแล้ว ควรทำความสะอาดและตรวจสอบระบบต่างๆ อย่างละเอียดสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องอยู่ในสภาพที่ดี2.1 ล้างระบบท่อจ่ายน้ำและระบบดูดน้ำ

  • ใช้น้ำสะอาดหรือสารทำความสะอาดอ่อนๆ ล้างระบบท่อ เพื่อป้องกันการอุดตันจากคราบสกปรก
  • ตรวจสอบแรงดันน้ำและการไหลของน้ำ ว่ายังปกติหรือไม่

2.2 ตรวจสอบล้อและระบบขับเคลื่อน

  • ตรวจเช็กล้อรถว่ามีเศษขยะหรือสิ่งสกปรกติดอยู่หรือไม่
  • เช็คลูกล้อหมุนได้ดีหรือไม่ หากหมุนติดขัด ควรทำความสะอาดหรือน้ำมันหล่อลื่น

2.3 ตรวจสอบอุปกรณ์เซ็นเซอร์และระบบควบคุม

  • ตรวจเช็คหน้าจอแสดงผล ปุ่มควบคุม และไฟสัญญาณ ให้ทำงานปกติ
  • อัปเดตซอฟต์แวร์ (ถ้ามี) โดยเฉพาะในเครื่องรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบอัตโนมัติ

3. การบำรุงรักษารายเดือน (Monthly Maintenance)

เดือนละครั้งควรตรวจสอบสภาพเครื่องและเปลี่ยนอะไหล่ที่จำเป็น เพื่อป้องกันการสึกหรอที่อาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่อง

3.1 ตรวจเช็คและเติมน้ำกลั่นแบตเตอรี่ (สำหรับแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่น)

  • ตรวจระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ หากต่ำกว่าที่กำหนด ควรเติมน้ำกลั่นให้พอดี
  • ตรวจเช็คแรงดันไฟฟ้าแบตเตอรี่ ว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

3.2 ตรวจสอบและเปลี่ยนแปรงขัดหรือแผ่นขัด

เปลี่ยนแปรงขัดหรือแผ่นขัดที่สึกหรอ เพราะหากแปรงสึกเกินไป ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดจะลดลง

3.3 ตรวจเช็คระบบมอเตอร์และระบบขับเคลื่อน

  • ฟังเสียงมอเตอร์และตรวจสอบความร้อนของเครื่อง หากมีเสียงผิดปกติ หรือเครื่องร้อนเกินไป อาจมีปัญหาที่ต้องซ่อมแซม
  • ตรวจสอบสายพานและระบบส่งกำลัง เพื่อให้แน่ใจว่ายังทำงานได้ดี

4. การเก็บรักษารถขัดพื้นเมื่อไม่ใช้งาน

หากไม่ได้ใช้งานรถขัดพื้นเป็นเวลานาน ควรมีวิธีเก็บรักษาให้ถูกต้องเพื่อลดความเสียหาย

4.1 ทำความสะอาดเครื่องให้เรียบร้อยก่อนเก็บ

  • ล้างถังน้ำเสียและแปรงขัด ให้สะอาด ป้องกันการเกิดคราบตะกรันหรือเชื้อรา
  • ทำให้ถังน้ำและระบบท่อแห้ง เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย

4.2 เก็บเครื่องในที่แห้งและมีอากาศถ่ายเท

  • ไม่ควรเก็บในที่ร้อนหรือชื้นเกินไป เพราะอาจทำให้เครื่องเป็นสนิมหรือแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็ว
  • ควรคลุมเครื่องด้วยผ้าใบหรือพลาสติกคลุมเครื่อง เพื่อป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรก

4.3 ถอดแบตเตอรี่ออก (ถ้าจำเป็น)

  • หากไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน ควรถอดแบตเตอรี่ออกมาเก็บไว้ในที่ปลอดภัย และชาร์จแบตเตอรี่เป็นระยะเพื่อป้องกันแบตหมด

หากคุณอ่านบทความนี้แล้วมีความสนใจที่จะสั่งซื้อเครื่องดูดฝุ่นคุณภาพ ติดต่อเราได้ที่ BermudaBKK

เครื่องขัดพื้นทำความสะอาด ดีกว่าขัดเองอย่างไร

การดูแลพื้น : การรักษาความงามและความทนทานของพื้น

Similar Posts