บ้านสะอาดขึ้นทันตา รวมเทคนิคดูแล “พรม & โซฟา” แบบไม่ต้องง้อร้าน

บ้านสะอาดขึ้นทันตา รวมเทคนิคดูแล “พรม & โซฟา” แบบไม่ต้องง้อร้าน หลายบ้านมักให้ความสำคัญกับการดูแลทำความสะอาดพื้นบ้านและเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป แต่หลายคนอาจมองข้ามการทำความสะอาด “พรม” และ “โซฟา” ซึ่งถือเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นให้กับพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน พรมที่สวยงามและโซฟาที่นุ่มสบายไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยให้ทุกคนในบ้านรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การใช้งานในแต่ละวันจะทำให้ฝุ่น คราบสกปรก รวมถึงแบคทีเรียสะสมอยู่บนพรมและโซฟาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่ดูแลอย่างถูกวิธี อาจส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ดูเก่าโทรมและส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ จนบางครั้งทำให้เราต้องส่งพรมหรือโซฟาไปให้ร้านทำความสะอาด ซึ่งนอกจากจะเสียเวลา ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงอีกด้วย
แต่ไม่ต้องกังวลไป! ในบทความนี้เราจะมาแชร์เทคนิคและวิธีดูแล พรม & โซฟา อย่างถูกวิธี ง่าย และสะดวกสบาย ทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยไม่ต้องพึ่งพาร้านทำความสะอาด พร้อมเคล็ดลับเลือกใช้อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้พรมและโซฟาของคุณกลับมาสะอาดเหมือนใหม่ ทั้งยังยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้น มาร่วมเรียนรู้และลงมือทำไปด้วยกัน เพื่อบ้านที่สะอาดและน่าอยู่กว่าเดิมในทุก ๆ วัน!
ดูดฝุ่นบ่อย ๆ ให้สะอาดล้ำลึก
การดูดฝุ่นเป็นหนึ่งในวิธีทำความสะอาดที่ง่ายที่สุดแต่มีประสิทธิภาพมากในการดูแลรักษาพื้นที่ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพรม โซฟา หรือพื้นผิวอื่น ๆ ที่มักจะสะสมฝุ่นละอองและคราบผงต่าง ๆ อยู่เสมอ การดูดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอช่วยลดปริมาณฝุ่นที่เกาะอยู่บนพื้นผิวเหล่านี้ไม่ให้ฟุ้งกระจายไปในอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภูมิแพ้และปัญหาสุขภาพทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กหรือผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
ควรดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้บ้านของคุณสะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการใช้งานบ่อย เช่น ใต้โต๊ะรับแขก โซฟาในห้องนั่งเล่น หรือมุมที่สมาชิกในบ้านมักนั่งพักผ่อน เพราะบริเวณเหล่านี้เป็นจุดที่ฝุ่นและคราบผงสะสมได้รวดเร็ว การดูดฝุ่นบ่อย ๆ จะช่วยลดโอกาสที่ฝุ่นจะจับตัวแน่นจนทำความสะอาดได้ยาก รวมถึงช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปในอากาศเมื่อเรานั่งหรือเดินผ่าน
นอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว การดูดฝุ่นยังมีข้อดีในแง่ของการ ยืดอายุการใช้งานของพรมและโซฟา พรมที่ถูกดูดฝุ่นบ่อย ๆ จะไม่ถูกฝุ่นและสิ่งสกปรกฝังแน่น ซึ่งสามารถทำให้เนื้อผ้าสึกกร่อนหรือเปลี่ยนสีได้เร็วขึ้น โซฟาที่ดูแลรักษาดีจะคงความนุ่มและความสวยงามได้นานยิ่งขึ้น โดยเฉพาะวัสดุที่เป็นผ้าหรือหนังแท้ การกำจัดฝุ่นเป็นประจำจึงเหมือนเป็นการปกป้องเฟอร์นิเจอร์ชิ้นโปรดของคุณให้ใช้งานได้คุ้มค่า
ตัวอย่างง่าย ๆ คือ สมมติว่าคุณมีพรมในห้องนั่งเล่นที่สมาชิกในครอบครัวชอบนั่งเล่นกันบ่อย ๆ หากไม่ได้ดูดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ ฝุ่นละอองและเศษผงต่าง ๆ จะฝังแน่นบริเวณนั้น เมื่อเวลาผ่านไป จะส่งผลให้พรมดูหมองและเก่ากว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ฝุ่นที่ฝังแน่นในพรมยังสามารถเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่นและแบคทีเรีย ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจ
ดังนั้นการเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น เครื่องดูดฝุ่นที่มีระบบกรอง HEPA ซึ่งสามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กและสารก่อภูมิแพ้ได้ดี จะยิ่งช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิผลมากขึ้น และทำให้บ้านของคุณเป็นพื้นที่ที่สะอาดปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว
ทำความสะอาดคราบสกปรกด้วยน้ำส้มสายชู
คราบน้ำ คราบเครื่องดื่ม หรือคราบสกปรกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนพรมและโซฟา มักสร้างความกังวลใจให้เจ้าของบ้านไม่น้อย เพราะคราบเหล่านี้ถ้าไม่ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี อาจทิ้งรอยด่างหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ไว้ให้กวนใจ อีกทั้งบางครั้งการใช้สารเคมีที่แรงเกินไปยังอาจทำให้ผิวสัมผัสของผ้าหรือวัสดุเสื่อมสภาพได้รวดเร็วขึ้น
หนึ่งในวิธีธรรมชาติที่ได้รับความนิยมและพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการจัดการกับคราบสกปรกบนพรมและโซฟาคือ การใช้น้ำส้มสายชูขาวผสมน้ำเปล่า ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย โดยน้ำส้มสายชูขาวมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดคราบสกปรกอย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำลายเนื้อผ้าหรือวัสดุที่ต้องการทำความสะอาด
วิธีทำง่าย ๆ คือ
ผสมน้ำส้มสายชูขาวกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 จากนั้นใช้ผ้าสะอาดหรือผ้าขนหนูชุบน้ำผสมนี้ แล้วบิดให้หมาดเล็กน้อย ก่อนจะนำไปเช็ดคราบบริเวณที่เปื้อนอย่างเบามือ เพื่อป้องกันการทำลายเนื้อผ้า หากคราบนั้นเป็นคราบที่ลึกหรือฝังแน่น อาจใช้สเปรย์ฉีดน้ำส้มสายชูผสมน้ำนี้โดยตรงบนคราบ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้น้ำส้มสายชูซึมเข้าไปทำงานกับคราบ จากนั้นใช้ผ้าสะอาดซับออกเบา ๆ หลีกเลี่ยงการถูแรง ๆ ที่อาจทำให้คราบกระจายหรือทำลายเนื้อผ้า
ข้อดีของการใช้น้ำส้มสายชูในการทำความสะอาด ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การกำจัดคราบน้ำหรือคราบเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังช่วยลดกลิ่นอับชื้นที่มักเกิดจากความชื้นบนพรมหรือโซฟาอีกด้วย นอกจากนี้ น้ำส้มสายชูยังเป็นสารธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารเคมีอันตราย จึงเหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง
ตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น หากคุณทำเครื่องดื่มหกบนโซฟา ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ น้ำส้มสายชูผสมน้ำจะช่วยให้คราบเหล่านั้นหลุดออกได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีรุนแรง นอกจากนี้ หากพรมมีคราบน้ำจากการรั่วไหล น้ำส้มสายชูจะช่วยลดคราบด่างและป้องกันการเกิดเชื้อราได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ก่อนการใช้น้ำส้มสายชู ควรทดสอบกับพื้นที่เล็ก ๆ ที่ไม่เด่นชัดก่อน เพื่อดูว่าเนื้อผ้าหรือวัสดุจะไม่เกิดความเสียหายหรือเปลี่ยนสี เมื่อมั่นใจแล้วจึงค่อยทำความสะอาดบริเวณที่มีคราบ
วิธีป้องกันคราบและรอยเปื้อนตั้งแต่แรก

การป้องกันคราบและรอยเปื้อนตั้งแต่แรกเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการดูแลรักษาพรมและโซฟาให้ดูใหม่และสะอาดอยู่เสมอ เพราะเมื่อคราบเกิดขึ้นแล้ว การทำความสะอาดให้หมดจดอาจต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้น รวมถึงอาจทำให้เนื้อผ้าหรือวัสดุเสียหายได้ในระยะยาว ดังนั้นการเตรียมความพร้อมและสร้างนิสัยดี ๆ ภายในบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดคราบสกปรก
หนึ่งในวิธีง่าย ๆ ที่ควรทำคือการใช้ผ้าคลุมโซฟา ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้งผ้าคลุมแบบถอดซักได้ หรือผ้าคลุมที่มีความทนทานและกันน้ำได้ ช่วยปกป้องโซฟาจากคราบอาหาร เครื่องดื่ม หรือคราบฝุ่นผงที่อาจตกลงมาโดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้การใช้ผ้าคลุมยังช่วยให้การดูแลรักษาง่ายขึ้น เพราะเมื่อสกปรกก็สามารถถอดไปซักทำความสะอาดได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้โซฟาเสียหาย
ในส่วนของพรม การวางพรมบริเวณที่มักเปื้อนง่าย เช่น บริเวณทางเข้าบ้าน หรือบริเวณที่เด็ก ๆ เล่นบ่อย ๆ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการกระจายของคราบสกปรกลงสู่พื้นผิวหลักได้ นอกจากนี้ยังควรเลือกพรมที่ทำจากวัสดุที่ทำความสะอาดง่ายและมีคุณสมบัติกันน้ำหรือกันคราบ เพื่อเพิ่มความทนทานและลดความยุ่งยากในการดูแลรักษา
อีกหนึ่งข้อปฏิบัติที่สำคัญคือ การฝึกสมาชิกในบ้านให้ไม่กินหรือดื่มบนโซฟาและพรม เพราะการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มในบริเวณเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดคราบเปื้อนและกลิ่นไม่พึงประสงค์ หากทุกคนในบ้านมีวินัยในการจำกัดกิจกรรมเหล่านี้ให้อยู่ในพื้นที่เฉพาะ เช่น โต๊ะอาหาร จะช่วยลดโอกาสการเกิดคราบและทำให้บ้านสะอาดขึ้นอย่างมาก
การดูแลพรมและโซฟาในฤดูฝนหรือช่วงที่มีความชื้นสูง
ในช่วงฤดูฝนหรือเมื่อมีความชื้นสูงในอากาศ การดูแลพรมและโซฟาถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะความชื้นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดปัญหาเชื้อราและกลิ่นอับชื้น ซึ่งนอกจากจะส่งผลเสียต่อความสวยงามและอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์แล้ว ยังสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจ
วิธีการดูแลพรมและโซฟาให้แห้งและปลอดภัยในช่วงนี้มีหลายวิธีที่ทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
- ใช้เครื่องดูดความชื้น (Dehumidifier)
เครื่องดูดความชื้นเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมสำหรับบ้านที่มีปัญหาความชื้นสูง โดยเครื่องจะช่วยดูดเอาความชื้นส่วนเกินออกจากอากาศ ทำให้บรรยากาศในบ้านแห้งและเหมาะสมต่อการรักษาพรมและโซฟา ไม่ให้เกิดเชื้อราหรือกลิ่นอับชื้น นอกจากนี้เครื่องดูดความชื้นยังช่วยยืดอายุการใช้งานของวัสดุต่าง ๆ ในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ - เปิดพัดลมหรือพัดลมดูดอากาศ
การเปิดพัดลมหรือพัดลมดูดอากาศช่วยให้ลมหมุนเวียนและช่วยระบายความชื้นที่สะสมอยู่บนพรมและโซฟา โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศไม่สามารถถ่ายเทได้ดี เช่น ห้องที่ปิดประตูหรือหน้าต่าง วิธีนี้เป็นวิธีที่ประหยัดและง่ายต่อการทำอย่างสม่ำเสมอ โดยควรตั้งพัดลมในตำแหน่งที่ลมสามารถพัดผ่านบริเวณที่เปียกชื้น เพื่อเร่งการระเหยของน้ำและลดความชื้น - หลีกเลี่ยงการวางพรมหรือโซฟาบริเวณที่เปียกชื้นหรือมีน้ำขัง
การวางเฟอร์นิเจอร์ในบริเวณที่มีน้ำขังหรือเปียกชื้น เช่น ใต้ช่องน้ำรั่ว หรือบริเวณที่พื้นมักเปียกง่าย จะเพิ่มโอกาสให้พรมและโซฟาเก็บความชื้นจนเกิดเชื้อราและกลิ่นอับ ดังนั้นควรตรวจสอบและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้อยู่ในพื้นที่ที่แห้งและมีการระบายอากาศดี - ทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งทันทีเมื่อเปื้อนน้ำหรือของเหลว
หากเกิดการหกน้ำหรือของเหลวบนพรมและโซฟา ควรรีบเช็ดทำความสะอาดทันทีด้วยผ้าสะอาดและซับให้แห้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นตกค้างและกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อราในอนาคต
ตัวอย่างการดูแลในบ้านจริง เช่น หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ฝนตกชุกและมีความชื้นสูง อาจติดตั้งเครื่องดูดความชื้นไว้ในห้องนั่งเล่น หรือเปิดพัดลมระบายอากาศทุกวันหลังจากกลับบ้าน เพื่อช่วยลดความชื้นบนโซฟาและพรม อีกทั้งยังสามารถใช้ผ้าคลุมโซฟาที่ทำจากวัสดุกันน้ำเพื่อป้องกันคราบน้ำและช่วยลดความชื้นบนพื้นผิวโดยตรง
วิธีเลือกพรมและโซฟาที่ดูแลง่ายสำหรับคนไม่มีเวลาทำความสะอาดบ่อย
สำหรับใครที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ หรือไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ การเลือกพรมและโซฟาที่ดูแลง่ายจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่ดูแลรักษาง่ายจะช่วยลดภาระในการทำความสะอาดและช่วยให้บ้านดูเรียบร้อยอยู่เสมอ โดยไม่ต้องเสียเวลาทำความสะอาดบ่อยครั้ง
เลือกโซฟาที่ทำจากวัสดุดูแลง่าย
โซฟาหนังเทียม (PU Leather หรือ Faux Leather) เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการโซฟาที่ดูแลง่าย เพราะวัสดุหนังเทียมมีพื้นผิวเรียบ น้ำหนักเบา และไม่ดูดซับคราบน้ำหรือคราบสกปรกได้ง่าย เช่นเดียวกับหนังแท้ แต่มีราคาถูกกว่าและทำความสะอาดง่ายกว่า เพียงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเบา ๆ ก็สามารถลบคราบเปื้อนได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่นหรือไรฝุ่นซ่อนอยู่ในเนื้อผ้า นอกจากนี้หนังเทียมยังทนทานและไม่เกิดรอยขีดข่วนง่าย ทำให้เหมาะกับบ้านที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง
เลือกพรมที่ทอแบบหนาแน่นและวัสดุกันฝุ่น
สำหรับพรม ควรเลือกพรมที่มี การทอหนาแน่น (Dense Weave) เพราะพรมที่ทอแน่นจะมีช่องว่างระหว่างเส้นใยน้อย ทำให้ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกไม่สามารถฝังลึกลงไปในพรมได้ง่าย พรมประเภทนี้ยังทนทานต่อการใช้งานและง่ายต่อการดูดฝุ่น นอกจากนี้ควรเลือกวัสดุที่เป็นสังเคราะห์ เช่น โพลีโพรพีลีน (Polypropylene) หรือไนลอน ซึ่งมีคุณสมบัติกันน้ำและกันคราบ ทำให้คราบสกปรกไม่แทรกซึมลึกและทำความสะอาดง่าย เพียงแค่ดูดฝุ่นเป็นประจำก็ช่วยรักษาความสะอาดได้ดี
ดีไซน์ที่ช่วยลดการสะสมฝุ่นและคราบ
นอกจากวัสดุแล้ว ดีไซน์ของโซฟาและพรมก็มีผลต่อความง่ายในการดูแลรักษา ตัวอย่างเช่น โซฟาที่มีขาโปร่งใต้โซฟา จะช่วยให้การทำความสะอาดใต้โซฟาง่ายขึ้น ไม่ต้องเคลื่อนย้ายโซฟาบ่อย ๆ เพื่อดูดฝุ่น นอกจากนี้การเลือกโซฟาที่มีผ้าปิดซิปถอดซักได้ จะช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้นอีกมาก
ส่วนพรม ควรหลีกเลี่ยงพรมที่มีขนยาวหรือขนปุย เพราะแม้ว่าจะนุ่มสบาย แต่ขนยาวจะเก็บฝุ่นและคราบสกปรกได้มาก และทำความสะอาดได้ยากกว่า ควรเลือกพรมที่มีเนื้อสัมผัสสั้นและแน่น เพื่อให้ดูแลง่ายและทนทานกว่า
วิธีรีเฟรชกลิ่นพรมและโซฟาโดยไม่ต้องซัก: เคล็ดลับง่าย ๆ ให้บ้านหอมสดชื่นตลอดวัน
การซักพรมและโซฟาบ่อย ๆ อาจไม่สะดวกสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะบ้านที่มีขนาดใหญ่หรือมีเฟอร์นิเจอร์จำนวนมาก แต่ไม่ต้องกังวล เพราะเราสามารถรีเฟรชกลิ่นและทำให้พรมกับโซฟาหอมสดชื่นได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องซัก เพียงแค่ใช้วิธีและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งไม่เพียงช่วยปรับบรรยากาศในบ้านให้ดีขึ้น แต่ยังช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
1. ใช้สเปรย์น้ำหอมปรับอากาศสำหรับผ้าและเฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะ
สเปรย์น้ำหอมปรับอากาศที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะ เช่น สเปรย์ดับกลิ่นสำหรับโซฟาและพรม จะช่วยให้กลิ่นหอมสดชื่นติดทนนาน โดยควรเลือกกลิ่นที่คุณชื่นชอบและเหมาะกับบรรยากาศในบ้าน เช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ โรส หรือซิตรัส วิธีใช้เพียงแค่เขย่าสเปรย์ก่อนฉีด แล้วฉีดให้ทั่วบริเวณพรมและโซฟา โดยเว้นระยะห่างประมาณ 20-30 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้เกิดความเปียกชื้นเกินไป จากนั้นปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ กลิ่นหอมจะกระจายและอยู่ได้นานหลายชั่วโมง
2. ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils)
น้ำมันหอมระเหยเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีในการรีเฟรชกลิ่นพรมและโซฟาโดยไม่ต้องซัก เพราะนอกจากกลิ่นหอมสดชื่นแล้วยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย วิธีง่าย ๆ คือ ผสมน้ำมันหอมระเหยหยดเล็กน้อยกับน้ำสะอาดในสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ 10 หยดต่อน้ำ 100 มิลลิลิตร จากนั้นใส่ในขวดสเปรย์แล้วเขย่าก่อนใช้ ฉีดพรมและโซฟาให้ทั่ว จากนั้นปล่อยให้แห้ง กลิ่นหอมจากธรรมชาติจะช่วยให้บรรยากาศในบ้านสดชื่นและผ่อนคลาย
นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีการวางถุงผ้าหรือถุงตาข่ายที่บรรจุน้ำมันหอมระเหยไว้ใกล้โซฟาหรือใต้พรม เพื่อให้กลิ่นหอมค่อย ๆ กระจายอย่างอ่อนโยนตลอดวัน
3. เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อกลิ่นหอมยาวนาน
- โรยเบกกิ้งโซดาบนพรมก่อนดูดฝุ่น เบกกิ้งโซดาช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี เพียงโรยเบกกิ้งโซดาบนพรมทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที จากนั้นดูดฝุ่นออก กลิ่นที่เหลือจะช่วยให้พรมและโซฟาหอมสะอาดยิ่งขึ้น
- ระบายอากาศในห้องเป็นประจำ การเปิดหน้าต่างและประตูช่วยให้อากาศถ่ายเทดี ลดความอับชื้นและกลิ่นเหม็นอับสะสม
- หลีกเลี่ยงการวางโซฟาหรือพรมในพื้นที่ชื้นหรือมีกลิ่น เพราะจะทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ฝังแน่นและแก้ไขได้ยาก
หากคุณอ่านบทความนี้แล้วมีความสนใจที่จะสั่งซื้อเครื่องดูดฝุ่นคุณภาพ ติดต่อเราได้ที่ BermudaBKK