มือใหม่ทำความสะอาดบ้านควรรู้! เริ่มจากตรงนี้ บ้านสะอาดเร็วกว่าเดิม

มือใหม่ทำความสะอาดบ้านควรรู้! เริ่มจากตรงนี้ บ้านสะอาดเร็วกว่าเดิม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มต้นใช้ชีวิตแบบ “ดูแลบ้านด้วยตัวเอง” ไม่ว่าจะย้ายบ้านใหม่ อยู่คนเดียวครั้งแรก หรือแค่เริ่มอยากให้บ้านน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม การทำความสะอาดบ้านอาจฟังดูเหมือนเรื่องง่าย แต่พอเอาเข้าจริงกลับเต็มไปด้วยคำถามในหัวว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี? ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง? หรือจะจัดการฝุ่นซอกมุมยังไงให้หมดจดแบบไม่เหนื่อยเกินไป
ความจริงแล้ว “การทำความสะอาดบ้าน” ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่หรือใช้เวลาหลายชั่วโมงเสมอไป ถ้าคุณเข้าใจลำดับการทำงาน เทคนิคการจัดการพื้นที่ และรู้จักเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม การทำความสะอาดบ้านก็สามารถกลายเป็นกิจกรรมสั้น ๆ ที่ทำได้ง่ายในทุกวัน แถมยังช่วยให้บ้านสะอาดไวขึ้นกว่าเดิมแบบไม่ต้องออกแรงมาก
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับพื้นฐานของการทำความสะอาดบ้านสำหรับมือใหม่โดยเฉพาะ บ้านสะอาดเร็วกว่าเดิม ไม่ว่าคุณจะเป็นสายรักความสะอาดแต่ไม่มีเวลา หรือสายชิลที่เพิ่งคิดจะลุกมาปัดฝุ่นในรอบปี เรามีเคล็ดลับตั้งแต่การวางแผน ทำความสะอาดอย่างเป็นระบบ ไปจนถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ทำให้บ้านสะอาดได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้นจริง พร้อมแนวทางที่ทำตามได้ทันที และประหยัดแรงกว่าที่คิด
เริ่มต้นจากตรงนี้ แล้วคุณจะรู้ว่า… บ้านสะอาดได้เร็วและง่ายกว่าที่เคยคิดไว้เยอะ!
วางแผนก่อนเริ่ม ไม่เสียเวลา
การทำความสะอาดบ้านอาจดูเหมือนเรื่องง่าย แต่หากเริ่มต้นแบบไร้ทิศทาง ก็อาจทำให้เราหมดแรงก่อนจะเห็นความเรียบร้อยได้จริงๆ หนึ่งในเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การวางแผนล่วงหน้า แม้จะใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการวางแผน แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้คุณประหยัดทั้งเวลาและพลังงานได้อย่างมาก
ลองกำหนดแผนทำความสะอาดรายสัปดาห์แบบง่าย ๆ เช่น
- วันจันทร์: เริ่มจากห้องนั่งเล่น
- วันพุธ: ทำความสะอาดห้องน้ำ
- วันเสาร์: จัดการห้องครัวอย่างละเอียด
การมี “ตารางเล็กๆ” แบบนี้จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกว่าต้องทำทุกอย่างในวันเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนล้มเลิกกลางคันเพราะเหนื่อยเกินไป
วัน | พื้นที่ | อุปกรณ์ที่ใช้ |
---|---|---|
จันทร์ | ห้องนั่งเล่น | เครื่องดูดฝุ่น, ผ้าไมโครไฟเบอร์ |
อังคาร | ห้องนอน | ไม้กวาด, เครื่องดูดไรฝุ่น |
พุธ | ห้องน้ำ | แปรงขัดพื้น, น้ำยาล้างห้องน้ำ |
พฤหัสบดี | ระเบียง | ไม้ถูพื้น, ถังน้ำ |
ศุกร์ | โต๊ะทำงาน | ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ, แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาด |
เสาร์ | ห้องครัว | เครื่องดูดฝุ่น, น้ำยาขจัดคราบไขมัน |
อาทิตย์ | ไม่ทำความสะอาด | พักผ่อน |
ตัวอย่างตารางการทำงานบ้านในแต่ละวัน
เคล็ดลับ:
เริ่มจากห้องที่ใช้เวลาน้อยที่สุดก่อน เช่น ห้องน้ำแขก หรือมุมเล็กๆ อย่างโต๊ะเครื่องแป้ง เพราะเมื่อคุณเริ่มต้นแล้วเห็นความเรียบร้อยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จะสร้างแรงจูงใจให้คุณอยากทำต่อ และค่อย ๆ ขยับไปยังพื้นที่ที่มีรายละเอียดมากขึ้น เช่น ห้องครัวที่ต้องขัดเตา ดูดฝุ่นใต้ตู้ หรือล้างตู้เย็น
การวางแผนไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก และคุณไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้เป๊ะเหมือนตารางเรียน แค่มีแนวทางคร่าวๆ ก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนงานบ้านจากเรื่องน่าเบื่อ ให้กลายเป็นกิจวัตรที่ทำแล้ว “จบเป็นเรื่อง ๆ” ไม่ต้องเหนื่อยใจทีหลัง
เตรียมอุปกรณ์ให้ครบ อยู่ที่เดียวไม่ต้องวิ่งหา
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้การทำความสะอาดกลายเป็นภารกิจที่น่าเหนื่อยใจคือ “การต้องลุกไปหาอุปกรณ์ทุกสองนาที” คุณอาจเคยมีประสบการณ์แบบนี้: เริ่มถูพื้นอยู่ดี ๆ นึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีผ้าแห้ง ต้องเดินไปหยิบ พอกลับมาก็ลืมแปรงขัดอีก สุดท้ายเสียเวลา เสียแรง และหมดไฟตั้งแต่ยังทำไปไม่ถึงครึ่ง
ทางแก้ที่ง่ายและได้ผลจริงคือ การเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมในที่เดียว ก่อนเริ่มทำความสะอาดทุกครั้ง แนะนำให้คุณเตรียม “ถังรวมอุปกรณ์ทำความสะอาด” ไว้ล่วงหน้า โดยใส่อุปกรณ์สำคัญที่ใช้เป็นประจำ เช่น:
- ผ้าหนา / ผ้าบาง – ผ้าหนาใช้สำหรับเช็ดคราบหนักหรือดูดซับน้ำได้ดี ส่วนผ้าบางเหมาะสำหรับการเช็ดฝุ่นหรือเช็ดกระจก
- น้ำยาเอนกประสงค์ – ใช้ได้ทั้งบนพื้น ผนัง หรือเฟอร์นิเจอร์ ประหยัดพื้นที่ ไม่ต้องพกหลายขวด
- แปรงขัด – ควรมีทั้งแบบหัวแข็งและหัวนุ่ม สำหรับใช้กับพื้นผิวที่ต่างกัน
- ถุงมือยาง – ป้องกันสารเคมีและสิ่งสกปรก ช่วยถนอมมือไม่ให้แห้งหรือลอก
- ถุงขยะ – เผื่อไว้ทิ้งขยะระหว่างทาง ไม่ต้องเดินไปหาถังขยะทุกครั้ง
นอกจากนี้ หากคุณมีพื้นที่หรือบ้านหลังใหญ่ การใช้ รถเข็นเล็ก ๆ แบบมีล้อ จะช่วยอำนวยความสะดวกได้อย่างมาก คุณสามารถวางถังอุปกรณ์ไว้บนรถเข็น แล้วลากไปยังแต่ละห้องได้ทันที ไม่ต้องถือหลายอย่างให้เหนื่อย ไม่ต้องเดินกลับมาเดินกลับไปให้เสียเวลา คุณจะสามารถทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ขาดช่วง และเสร็จภารกิจเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
กวาดก่อน เช็ดทีหลัง คือหลักทองของการทำความสะอาด
หลายคนเมื่อเริ่มทำความสะอาดบ้าน มักใจร้อน หยิบผ้าชุบน้ำแล้วรีบเช็ดพื้นทันที เพราะอยากให้สะอาดเร็วที่สุด แต่รู้หรือไม่ว่า…นั่นอาจกลายเป็น “การถูฝุ่นให้กระจายทั่วบ้าน” โดยไม่รู้ตัว!
หลักทองที่ควรจำให้ขึ้นใจคือ: “กวาดก่อน เช็ดทีหลัง”
เหตุผลสำคัญคือฝุ่นผงและเศษเล็กเศษน้อย หากยังไม่เก็บหรือกวาดให้เรียบร้อย จะเกาะติดผ้าเช็ดพื้น และแทนที่จะเช็ดให้สะอาด ผ้าจะกลายเป็นตัวพาฝุ่นไปทั่วห้องแทน ทำให้คุณต้องเช็ดซ้ำหลายรอบ และเหนื่อยกว่าเดิมโดยใช่เหตุ
ลำดับขั้นตอนการทำความสะอาดที่ถูกต้อง:
- เก็บของที่ไม่จำเป็นออกจากพื้นที่
เช่น ตะกร้าผ้า ของเล่น รองเท้า หรือของใช้ที่วางเกะกะ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทำความสะอาดได้สะดวกขึ้น - กวาดฝุ่นและเศษเล็กเศษน้อยให้หมด
ใช้ไม้กวาดหรือไม้กวาดไฟฟ้าไล่ฝุ่นจากมุมต่าง ๆ ให้ทั่ว โดยเฉพาะตามแนวขอบผนังและใต้เฟอร์นิเจอร์ - ใช้เครื่องดูดฝุ่นเก็บฝุ่นตามซอกเล็กๆ
เช่น ร่องขอบหน้าต่าง ใต้โซฟา หรือพื้นระหว่างเฟอร์นิเจอร์ที่ไม้กวาดเข้าไม่ถึง เพื่อเก็บฝุ่นละเอียดที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า - ค่อยใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดพื้น
น้ำในผ้าไม่ควรเปียกจนเกินไป เพราะจะทิ้งคราบน้ำและทำให้พื้นลื่นได้
ควรเปลี่ยนน้ำล้างผ้าเมื่อรู้สึกว่าน้ำเริ่มขุ่น เพื่อไม่ให้ผ้ากลายเป็นตัวพาเชื้อโรคไปทั่วบ้าน
เพิ่มเติม: เช็ด “สูงก่อนต่ำ” คืออีกหนึ่งกฎทอง
นอกจากลำดับ “กวาดก่อน เช็ดทีหลัง” แล้ว การเช็ดฝุ่นจากด้านบนลงด้านล่างก็เป็นหลักที่ไม่ควรมองข้าม เพราะฝุ่นที่เช็ดออกจากของที่อยู่สูง เช่น ชั้นวางของ บนหัวเตียง หรือขอบหน้าต่าง จะตกลงมาด้านล่างเสมอ
ลงทุนกับอุปกรณ์ที่ดี ช่วยให้สะอาดเร็วขึ้น
หลายคนมองว่า “อุปกรณ์ทำความสะอาด” เป็นเรื่องเล็กน้อย เลือกใช้แบบไหนก็ได้ ขอแค่ราคาถูกไว้ก่อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว อุปกรณ์ที่ดี = ประหยัดเวลา ประหยัดแรง และได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในยุคที่ชีวิตเร่งรีบ การเลือกใช้อุปกรณ์คุณภาพดีจึงไม่ใช่แค่ความสะดวก แต่คือการลงทุนเพื่อประสิทธิภาพในระยะยาว
ลองคิดง่าย ๆ:
หากคุณสามารถทำความสะอาดบ้านให้เสร็จใน 30 นาที แทนที่จะใช้เวลา 1 ชั่วโมง คุณจะมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงสำหรับพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือนั่งจิบกาแฟสบายใจ ซึ่ง “เวลาที่ได้คืนมา” นั้นมีค่ามากกว่าราคาของอุปกรณ์หลายเท่า

ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ควรค่าแก่การลงทุน:
- เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย
ไม่ต้องเสียเวลาหาปลั๊กหรือจัดการกับสายไฟให้เกะกะ เดินถือเครื่องเดียวไปได้ทั่วบ้าน โดยเฉพาะตามบันได ซอกตู้ หรือพื้นที่แคบ
เหมาะมากสำหรับบ้านที่ต้องการทำความสะอาดบ่อยแต่ไม่อยากเหนื่อยทุกครั้ง - เครื่องขัดพื้นไฟฟ้า
สำหรับบ้านที่มีพื้นผิวแข็งแรง เช่น กระเบื้อง พื้นหิน หรือพื้นไม้ เครื่องขัดพื้นไฟฟ้าจะช่วยลดแรงขัดที่ต้องใช้ ช่วยขจัดคราบฝังแน่นได้ง่ายขึ้น
เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง เพราะต้องดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ - ผ้าไมโครไฟเบอร์คุณภาพดี
ผ้าไมโครไฟเบอร์มีคุณสมบัติพิเศษในการดักจับฝุ่น โดยไม่ทำให้ฝุ่นกระจายเหมือนผ้าธรรมดา อีกทั้งยังซับน้ำได้ดี แห้งเร็ว และไม่ทิ้งขุย
ใช้ได้กับทุกพื้นผิว ทั้งโต๊ะ กระจก ทีวี หรือแม้แต่หน้าจอมือถือ - ไม้ถูพื้นแบบหมุนได้ (Spin Mop)
ช่วยให้บิดน้ำออกจากผ้าได้ง่าย ไม่ต้องใช้มือสัมผัสน้ำสกปรก และหมุนหัวม็อบได้รอบทิศทาง
ทำให้ถูได้ลึกถึงซอกมุม และช่วยถนอมข้อมือผู้ใช้งาน
จัดบ้านอย่างไร ให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น
การทำความสะอาดบ้านจะง่ายและรวดเร็วขึ้นมากเมื่อคุณรู้จัก จัดระเบียบบ้านให้เหมาะสมตั้งแต่แรก เพราะบ้านที่มีการจัดการอย่างดีไม่เพียงแต่ดูเรียบร้อยน่าอยู่ แต่ยังช่วยลดเวลาการทำความสะอาดในแต่ละวันลงอย่างเห็นได้ชัด
1. เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่สะสมฝุ่นง่าย
เฟอร์นิเจอร์บางชนิดมีดีไซน์ที่ทำให้ฝุ่นสะสมได้ง่าย เช่น ผ้าหุ้มเบาะ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่มีซอกลึกและร่องเยอะ
เพื่อช่วยลดภาระในการทำความสะอาด เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุที่เช็ดง่าย เช่น ไม้เนื้อแข็ง พลาสติก หรือโลหะที่มีพื้นผิวเรียบ
เฟอร์นิเจอร์แบบเรียบ ๆ ไม่มีซอกมุมเยอะจะช่วยลดฝุ่นเกาะและทำความสะอาดง่ายขึ้น
2. ใช้กล่องเก็บของช่วยลดของวางเกลื่อน
ของใช้ที่วางกระจัดกระจายจะทำให้บ้านดูรกและยากต่อการเช็ดถู
การจัดเก็บของด้วยกล่องหรือถาดเก็บของช่วยให้ทุกอย่างมีที่ของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นของเล่นเด็ก อุปกรณ์เครื่องเขียน หรือของใช้เล็ก ๆ
การมีที่เก็บที่ชัดเจนจะทำให้คุณรู้ว่าของชิ้นไหนอยู่ตรงไหนและง่ายต่อการหยิบใช้งานและจัดเก็บกลับ
3. วางของแบบมี “โซน” เพื่อไม่ให้รกซ้ำ
จัดแบ่งพื้นที่ในบ้านเป็นโซนต่าง ๆ ตามฟังก์ชันการใช้งาน เช่น
- โซนนั่งเล่น
- โซนทำงาน
- โซนเก็บของใช้ส่วนตัว
การจัดโซนช่วยให้การเก็บของและทำความสะอาดทำได้ง่าย เพราะคุณจะทำความสะอาดทีละโซนทีละส่วน ไม่ต้องไล่ทั่วบ้านพร้อมกัน
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้ของวางปะปนกันจนรกและสับสน
เคล็ดลับกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้าน
กลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้านไม่เพียงแค่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แต่ยังส่งผลต่อบรรยากาศโดยรวมและความรู้สึกของสมาชิกในบ้านด้วย หากไม่จัดการให้ถูกวิธี กลิ่นเหล่านี้อาจติดอยู่ในห้องเป็นเวลานานและยากที่จะกำจัด วันนี้เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้านได้อย่างได้ผลและเป็นธรรมชาติ
กลิ่นอับในห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมความชื้นและแบคทีเรียซึ่งก่อให้เกิดกลิ่นอับ
วิธีแก้ง่าย ๆ คือใช้ เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชู
โดยโรยเบกกิ้งโซดาลงบนพื้นหรือผนังที่มีกลิ่นอับ แล้วราดด้วยน้ำส้มสายชูจะเกิดฟองและช่วยขจัดคราบ พร้อมทั้งกำจัดกลิ่นเหม็นอับได้อย่างดี
ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
วิธีนี้ปลอดภัยและไม่ทำลายพื้นผิวต่าง ๆ ในห้องน้ำ
กลิ่นเหม็นจากถังขยะ
ถังขยะมักจะเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น หากไม่ดูแลอย่างสม่ำเสมอ
เคล็ดลับคือใส่ กากกาแฟแห้งไว้ก้นถังขยะ
กากกาแฟจะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์และยังช่วยลดความชื้นที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็น
นอกจากนี้ กลิ่นกาแฟยังให้ความรู้สึกสดชื่นไม่เหม็นอับเหมือนถังขยะปกติ
กลิ่นอาหารติดในห้องครัวหรือห้องนั่งเล่น
กลิ่นอาหารบางชนิดติดผ้าม่าน พรม หรือแม้แต่ผนัง
วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดกลิ่นคือ เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
และ ต้มน้ำมะกรูด ในน้ำเดือดประมาณ 10-15 นาที
กลิ่นหอมสดชื่นของมะกรูดจะช่วยกลบกลิ่นอาหารไม่พึงประสงค์และทำให้บรรยากาศในบ้านสดชื่นขึ้นทันที
ลิสต์สิ่งที่มักลืมทำความสะอาด (แต่สำคัญมาก!)
การทำความสะอาดบ้านไม่ใช่แค่เช็ดถูพื้นหรือเก็บของเข้าที่เท่านั้น แต่ยังมีจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลายคนมักละเลย แต่กลับเป็นแหล่งสะสมฝุ่นและเชื้อโรคที่สำคัญ หากไม่ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อาจส่งผลต่อสุขภาพและบรรยากาศภายในบ้านโดยรวมได้ วันนี้เรารวบรวม “สิ่งที่มักลืมทำความสะอาด” มาให้คุณตรวจเช็กกันครับ
1. รีโมต ทีวี และแอร์
รีโมตเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้บ่อยมาก แต่ไม่ค่อยได้เช็ดทำความสะอาด เพราะคิดว่าไม่ได้สัมผัสกับสิ่งสกปรกโดยตรง
แต่จริง ๆ แล้ว รีโมตเต็มไปด้วยเชื้อโรคและฝุ่นผง เพราะมือเราสัมผัสบ่อยและไม่มีการล้างมือทุกครั้ง
ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดรีโมตเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
2. มือจับประตู
มือจับประตูเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนมองข้าม ทั้งมือจับประตูห้อง ห้องน้ำ หรือประตูตู้ต่าง ๆ
เพราะเป็นจุดที่มีการสัมผัสบ่อยและเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียและฝุ่น
ควรใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดเช็ดฆ่าเชื้ออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
3. ใต้เตียงและหลังโซฟา
พื้นที่ใต้เตียงหรือหลังโซฟามักเป็นที่สะสมของฝุ่นขนาดใหญ่และเศษผม รวมถึงอาจมีกลิ่นอับ
เนื่องจากบริเวณนี้มักจะเข้าถึงยาก ทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงการทำความสะอาด
ควรจัดเวลาใช้ไม้กวาด หรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดบริเวณเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันฝุ่นสะสมที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้
4. ปุ่มกดเครื่องใช้ไฟฟ้า
ปุ่มกดของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ หรือเตาอบ
เป็นจุดที่สัมผัสบ่อยมากและเป็นแหล่งสะสมของคราบไขมัน ฝุ่น และแบคทีเรีย
การทำความสะอาดด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์และน้ำยาฆ่าเชื้อจะช่วยลดปัญหานี้ได้ดี
หากคุณอ่านบทความนี้แล้วมีความสนใจที่จะสั่งซื้อเครื่องดูดฝุ่นคุณภาพ ติดต่อเราได้ที่ BermudaBKK
ทำความสะอาดทุกวันทำไมยังมีฝุ่น เคล็ดลับลดฝุ่นในบ้านให้สะอาดหมดจด