วิธีกำจัดคราบ บนพรมแบบมืออาชีพ

วิธีกำจัดคราบ บนพรมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะพรมเป็นสิ่งทอที่หลายคนเลือกใช้เพื่อตกแต่งบ้าน ไม่เพียงเพราะความสวยงามที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับห้อง แต่ยังเป็นการสร้างบรรยากาศที่นุ่มนวลและผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม การใช้งานในชีวิตประจำวันมักทำให้พรมสะสมคราบสกปรกได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นคราบจากอาหาร เครื่องดื่ม น้ำมัน หรือดินโคลน โดยเฉพาะคราบที่ฝังลึกซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ พรม ดูหมองคล้ำ แต่ยังอาจก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และ ทำลายเส้นใยของพรมได้หากปล่อยทิ้งไว้นาน การกำจัดคราบเหล่านี้ไม่ใช่แค่การคืนความสะอาดให้กับพรมเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของพรม ทำให้บ้านของคุณดูสดใส และ น่าอยู่ยิ่งขึ้น

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ วิธีกำจัดคราบ ต่างๆ ที่ฝังลึกบนพรมอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคราบกาแฟที่ดื้อดึง คราบไวน์แดงที่มักจะทิ้งรอยไว้ชัดเจน หรือคราบน้ำมันที่ซึมลึกลงในเส้นใยพรม เราจะนำเสนอเทคนิคทั้งจากการใช้วัตถุดิบในบ้านที่สามารถหาได้ง่าย เช่น น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพรมที่ออกแบบมาเฉพาะ เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับประเภทของคราบ และ สภาพของพรมในบ้าน

คราบทั่วไป

การกำจัดคราบฝังลึกบนพรมสามารถทำได้หลายวิธี โดยอาศัยทั้งวัสดุธรรมชาติและสารเคมีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ขึ้นอยู่กับชนิดของคราบที่ต้องการทำความสะอาด นี่คือแนวทางการกำจัดคราบฝังลึกบนพรม

1. การดูดฝุ่นก่อนทำความสะอาด

ก่อนที่จะลงมือกำจัดคราบ ควรเริ่มจากการดูดฝุ่นบนพรมให้สะอาด เพื่อลดสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามพื้นผิว เมื่อทำความสะอาดฝุ่นผงแล้ว จะทำให้สารทำความสะอาดซึมซับ และ ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

2. การใช้น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา

สำหรับคราบที่ไม่ต้องการสารเคมีรุนแรง สามารถใช้ น้ำส้มสายชู และ เบกกิ้งโซดา เป็นทางเลือกที่ดี

  • ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำในอัตราส่วน 1:1
  • ฉีดพ่นส่วนผสมลงบนคราบ แล้วโรยเบกกิ้งโซดาลงไป
  • ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จนเบกกิ้งโซดาทำปฏิกิริยากับคราบ
  • ใช้แปรงขัดขนคราบ หรือใช้ผ้าสะอาดเช็ดออก จากนั้นดูดฝุ่นเพื่อเก็บคราบที่หลงเหลือ

3. การใช้สารทำความสะอาดพรมเฉพาะทาง

หากเป็นคราบที่ฝังลึกมาก เช่น คราบกาแฟ ไวน์ หรือคราบน้ำมัน อาจจำเป็นต้องใช้ สารทำความสะอาดพรม ที่มีความสามารถในการเจาะคราบอย่างล้ำลึก

  • ฉีดพ่นสารทำความสะอาดบนบริเวณที่มีคราบ
  • ใช้แปรงหรือผ้าขัดเบา ๆ ให้สารซึมเข้าไปในพรม
  • รอให้แห้งแล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือผ้าสะอาดซับคราบออก

4. การใช้น้ำยาล้างจานและน้ำอุ่น

สำหรับคราบน้ำมันหรือคราบที่เป็นไขมัน การใช้น้ำยาล้างจานก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี

  • ผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำอุ่นในอัตราส่วน 1:2
  • ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำยาที่ผสมแล้วถูเบา ๆ บนคราบ
  • ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วใช้ผ้าแห้งซับ

5. การใช้น้ำยาฟอกขาวที่เหมาะสมกับพรม

ในกรณีที่คราบลึกมากหรือเป็นคราบที่ไม่สามารถกำจัดด้วยวิธีทั่วไป อาจพิจารณาใช้น้ำยาฟอกขาวที่ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดพรม:

  • อ่านคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์ก่อนใช้เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้กับพรมของคุณได้
  • ผสมน้ำยาตามอัตราส่วนที่แนะนำ
  • ใช้ฟองน้ำหรือแปรงถูเบา ๆ บนคราบแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

6. การทำความสะอาดด้วยไอน้ำ

สำหรับคราบที่ฝังลึกมากหรือพรมที่มีขนาดใหญ่ ควรใช้ เครื่องทำความสะอาดพรมด้วยไอน้ำ ซึ่งสามารถล้างคราบลึก และ ฆ่าเชื้อได้ในเวลาเดียวกัน การใช้เครื่องไอน้ำช่วยให้พรมแห้งเร็ว และ สะอาดล้ำลึกกว่า

การกำจัดคราบฝังลึกบนพรมต้องอาศัยความอดทน และ การเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมตามลักษณะของคราบ และ ชนิดของพรม การทำความสะอาดทันทีที่เกิดคราบจะช่วยลดโอกาสที่คราบจะฝังลึก และ ทำให้การกำจัดง่ายขึ้น

คราบช็อกโกแลต

การกำจัดคราบช็อกโกแลตสามารถทำได้ง่ายขึ้นหากปล่อยให้ช็อกโกแลตแข็งตัวก่อน ทำให้คราบไม่เลอะมากขึ้นระหว่างทำความสะอาด คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการรอให้ช็อกโกแลตแข็งตัว แล้วขูดช็อกโกแลตส่วนเกินออกด้วยมีดทื่อหรือช้อนเบา ๆ เพื่อลดปริมาณคราบ จากนั้น ใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่น และ นำผ้าสะอาดชุบมาเช็ดคราบอย่างเบามือ ค่อย ๆ ถูจนคราบจางลง สุดท้ายล้างบริเวณนั้นด้วยน้ำสะอาด และ ใช้ผ้าขาวซับให้แห้ง

คราบไข่ดิบ

คราบไข่ดิบมักมีกลิ่นรุนแรง และ อาจฝังลึกหากปล่อยไว้นาน ดังนั้นการทำความสะอาดควรเริ่มทันที ขั้นแรก ใช้ผ้าหรือกระดาษซับคราบไข่ส่วนเกินออกโดยหลีกเลี่ยงการถูเพื่อลดการกระจายของคราบ จากนั้นผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำเย็น และ ใช้ผ้าชุบส่วนผสมเช็ดคราบไข่เบา ๆ หากยังมีคราบหลงเหลืออยู่ คุณสามารถใช้แอมโมเนียเล็กน้อยผสมน้ำ แล้วเช็ดบริเวณที่ยังมีคราบอยู่ สุดท้ายล้างด้วยน้ำสะอาด และ ซับให้แห้ง

คราบหมึก

คราบหมึกอาจต้องใช้สารเคมีในการกำจัดอย่างระมัดระวัง เริ่มจากใช้แอลกอฮอล์หรือน้ำยาล้างเล็บที่มีส่วนผสมของอะซิโตน ชุบลงบนสำลีหรือผ้าสะอาด จากนั้นแตะเบา ๆ บนบริเวณที่มีคราบหมึก โดยไม่ควรถูแรงเกินไปเพราะอาจทำให้หมึกกระจายไปยังส่วนอื่น เมื่อคราบจางลงแล้ว ให้ล้างบริเวณนั้นด้วยน้ำสะอาด และ ซับให้แห้งด้วยผ้าขาวสะอาดเพื่อไม่ให้คราบน้ำหรือหมึกหลงเหลือ

คราบน้ำมัน

คราบน้ำมันมักจะฝังลึก และ ทำความสะอาดยาก ดังนั้นการใช้สารที่ดูดซับน้ำมันจะช่วยได้ เริ่มด้วยการโรยผงเบกกิ้งโซดาหรือแป้งเด็กลงบนคราบน้ำมัน ปล่อยให้สารเหล่านี้ดูดซับน้ำมันเป็นเวลา 10-15 นาที จากนั้นดูดฝุ่นหรือกวาดผงออก เมื่อคราบเบาลงแล้ว ใช้น้ำยาล้างจานผสมน้ำอุ่น และ ถูเบา ๆ บริเวณที่ยังเหลือคราบ สุดท้ายล้างออกด้วยน้ำสะอาด และ ซับให้แห้งด้วยผ้าขาว

คราบซอส

คราบซอส เช่น ซอสมะเขือเทศ หรือ ซอสปรุงรสสามารถทำความสะอาดได้ดีที่สุดเมื่อทำทันที เพื่อป้องกันไม่ให้คราบฝังลึก เริ่มต้นด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำเย็นซับคราบส่วนเกินออกอย่างเบามือ จากนั้นใช้ผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำอุ่นถูเบา ๆ บนคราบซอส หากคราบยังคงอยู่หลังจากการทำความสะอาดขั้นแรก ให้ใช้แอมโมเนียเล็กน้อยผสมน้ำแล้วเช็ดซ้ำเพื่อช่วยในการกำจัดคราบ สุดท้ายล้างด้วยน้ำสะอาด และ ซับให้แห้งด้วยผ้าขาว

คราบเลือด

คราบเลือดมักแห้งติดอยู่ และ กลายเป็นคราบฝังลึกหากไม่ได้ทำความสะอาดทันที การทำความสะอาดคราบเลือดมีขั้นตอนเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้คราบฝังลึก เริ่มต้นโดยใช้น้ำเย็นชุบบนผ้าสะอาดแล้วเช็ดคราบเลือดเบา ๆ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่น เนื่องจากอุณหภูมิสูงอาจทำให้โปรตีนในเลือดจับตัว และ ฝังลึกในพรม จากนั้นผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำเย็น ใช้ผ้าชุบส่วนผสมแล้วเช็ดคราบเลือดออกอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นล้างบริเวณที่ทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด และ ซับให้แห้งด้วยผ้าขาวเพื่อขจัดคราบน้ำ และ ทำให้พื้นผิวสะอาดหมดจด

คราบไวน์แดง

คราบไวน์แดงมักจะมีเม็ดสีที่เข้มและสามารถซึมลึกลงไปในเส้นใยของพรม ทำให้การทำความสะอาดยากขึ้น หากคราบไวน์แดงปล่อยทิ้งไว้นาน การทำความสะอาดจะต้องใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพ เริ่มต้นด้วยการผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเพื่อทำเป็นพาสต์ แล้วทาลงบนคราบไวน์แดง ทิ้งไว้ให้แห้งเพื่อให้เบกกิ้งโซดาดูดซับสีและน้ำมันที่อาจมีอยู่ จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเบกกิ้งโซดาออก หากคราบยังคงอยู่ ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเช็ดบริเวณที่มีคราบซ้ำเพื่อช่วยในการกำจัดสีสุดท้าย ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และ ซับให้แห้งด้วยผ้าขาวเพื่อให้พรมสะอาด และ ไม่มีคราบตกค้าง

คราบโคลน

คราบโคลนที่แห้งติดบนพรมสามารถทำความสะอาดได้ยาก เนื่องจากเศษดินและสิ่งสกปรกอาจซึมลึกลงไปในเส้นใยของพรม วิธีที่ดีที่สุดในการทำความสะอาดคือ:เริ่มต้นด้วยการรอให้คราบโคลนแห้งสนิท จากนั้นใช้เครื่องขูดหรือมีดทื่อขูดคราบออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้คราบกระจายออกไปในบริเวณอื่น หลังจากนั้น ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อลบเศษดิน และ สิ่งสกปรกออกจากพรม เมื่อคราบหลักๆ หายไปแล้ว ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นผสมกับน้ำยาล้างจาน เช็ดบริเวณที่เหลือจนกว่าคราบจะหมด สุดท้าย ล้างด้วยน้ำสะอาดและซับให้แห้งด้วยผ้าขาวเพื่อขจัดคราบน้ำ และ ทำให้พรมสะอาดหมดจด

คราบสนิม

คราบสนิมที่เกิดจากวัตถุโลหะที่สัมผัสกับพรม และ เกิดความชื้นจะทิ้งคราบสีส้มที่ยากต่อการทำความสะอาด การจัดการกับคราบสนิมต้องใช้สารที่มีคุณสมบัติในการละลายสนิม เริ่มต้นด้วยการใช้สารละลายกรดมะนาวหรือกรดออกซาลิก โดยผสมกับน้ำตามอัตราส่วนที่แนะนำบนบรรจุภัณฑ์ แล้วใช้ผ้าสะอาดชุบส่วนผสมนี้และเช็ดบริเวณที่มีคราบสนิมอย่างระมัดระวัง หลังจากเช็ดจนคราบหมดแล้ว ล้างพื้นที่นั้นด้วยน้ำสะอาดเพื่อขจัดสารเคมี และ คราบสนิมที่เหลือ จากนั้นใช้ผ้าขาวซับให้แห้งเพื่อให้พรมกลับมาสะอาด และ ไม่มีคราบตกค้าง

คราบสีทาเล็บ

คราบสีทาเล็บสามารถทำความสะอาดได้ยาก เพราะมันมักแข็งตัวและฝังลึกในเส้นใยพรม วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับคราบนี้คือ เริ่มด้วยการใช้ น้ำยาล้างเล็บที่ไม่มีสารอะซิโตน (เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีทำลายพรม) ชุบบนผ้าสะอาด จากนั้นเช็ดเบา ๆ บนคราบสีทาเล็บจนกว่าสีจะหลุดออก หากสีทาเล็บยังคงอยู่หรือมีคราบตกค้าง ให้พิจารณาใช้ผลิตภัณฑ์ที่แรงขึ้น แต่ควรทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่หลังจากนั้นเพื่อขจัดสารเคมี และ ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อผ้าของพรม สุดท้าย ล้างบริเวณที่ทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด และ ซับให้แห้งด้วยผ้าขาว

คราบยางหมากฝรั่ง

การจัดการกับคราบยางหมากฝรั่งบนพรมอาจต้องใช้วิธีเฉพาะเพื่อให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นด้วยการใช้น้ำแข็งถูบนยางหมากฝรั่งจนมันแข็งตัว วิธีนี้จะทำให้ยางหมากฝรั่งมีความแข็งและง่ายต่อการขูดออก ใช้มีดทื่อหรือช้อนขูดออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ทำลายเส้นใยพรม หลังจากขูดยางหมากฝรั่งออกได้แล้ว ใช้สารทำความสะอาดหรือแอลกอฮอล์ถูบริเวณที่เหลือเพื่อขจัดคราบที่ยังติดอยู่ สุดท้าย ล้างพื้นที่นั้นด้วยน้ำสะอาด และ ซับให้แห้งด้วยผ้าขาวเพื่อให้พรมสะอาดและไม่มีคราบตกค้าง

คราบขี้ผึ้ง

การทำความสะอาดคราบขี้ผึ้งที่ติดบนพรมสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้วิธีที่ช่วยละลายขี้ผึ้งและดูดซับออก เริ่มต้นด้วยการวางกระดาษสีน้ำตาลหรือผ้าบาง ๆ ไว้บนคราบขี้ผึ้ง จากนั้นใช้เตารีดที่มีความร้อนอุ่น ๆ รีดบนกระดาษหรือผ้าดังกล่าว การรีดจะทำให้ขี้ผึ้งละลายและซึมเข้าสู่กระดาษหรือผ้า หลังจากที่ขี้ผึ้งละลายและดูดซับไปที่กระดาษแล้ว ให้เปลี่ยนกระดาษหรือผ้าใหม่และทำซ้ำจนกว่าขี้ผึ้งจะถูกกำจัดออกไปทั้งหมด เมื่อทำการละลายขี้ผึ้งจนเกือบหมดแล้ว ใช้ผ้าชุบน้ำยาล้างจานเช็ดบริเวณที่เหลือเพื่อขจัดคราบที่ยังตกค้าง สุดท้าย ล้างด้วยน้ำสะอาดและซับให้แห้งด้วยผ้าขาวเพื่อทำให้พรมสะอาด และ ไม่มีคราบเหลือ

หากคุณอ่านบทความนี้แล้วมีความสนใจที่จะสั่งซื้อเครื่องขัดพื้น กวาดพื้น คุณภาพ ติดต่อเราได้ที่ BermudaBKK

Similar Posts