|

ไขปริศนา ฝุ่นมาจากไหน?

ไขปริศนา ฝุ่นมาจากไหน? มนุษย์ส่วนใหญ่ คงเคยรู้สึกถึงความเหนื่อยหน่ายจากการทำความสะอาดบ้านให้เอี่ยมอ่อง ซึ่งเป็นวงจรที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น เราทุกคนคงเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว คุณทำความสะอาดบ้าน กำจัดฝุ่นทุกเม็ดไปหมด แต่พอตื่นเช้าขึ้นมากลับพบว่าฝุ่นก็มากองอยู่เหมือนเดิมอีก

คุณรู้ดีว่าฝุ่นนั้นมีอยู่เสมอ แม้บางครั้งเราอาจมองไม่เห็นมันลอยอยู่ในอากาศ แต่ว่าคุณเคยสงสัยไหมว่าฝุ่นเหล่านี้มาจากไหน? ในบทความ ไขปริศนา ฝุ่นมาจากไหน? เราจะมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับแหล่งที่มาของฝุ่นในบ้าน และ วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการควบคุมปัญหาฝุ่นเหล่านี้

ฝุ่นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?

ก่อนที่เราจะพูดถึงที่มาของฝุ่น เราควรเริ่มต้นจากคำถามว่า จริงๆ แล้ว ฝุ่นประกอบด้วยอะไร?

หนึ่งในความเชื่อที่หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับฝุ่นคือมันประกอบด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะเป็นความจริงที่เซลล์ผิวหนังเป็นส่วนหนึ่งของฝุ่น แต่เซลล์ผิวหนังจำนวนมากจากร่างกายเรานั้นส่วนใหญ่ถูกชะล้างออกไปในขณะอาบน้ำ

โดยพื้นฐานแล้ว ฝุ่น คือ การรวมตัวของอนุภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ผิวหนังที่หลุดร่วง เส้นใยจากเสื้อผ้าและพรม อนุภาคดิน ฝุ่นละอองจากตัวไรฝุ่น ขนหรือขนสัตว์เลี้ยง เกสรดอกไม้ เขม่าควัน และแม้กระทั่งอนุภาคขนาดจิ๋วของพลาสติก ฝุ่นจึงเป็นการรวมกันของสิ่งต่างๆ มากมายที่เกือบจะนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว

ฝุ่นเป็นสิ่งที่ก่อตัวขึ้นจากสิ่งเล็กๆ ที่อยู่รอบตัวเรา บางครั้งเราอาจมองไม่เห็นว่ามีอะไรบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านี้ก็ค่อยๆ รวมตัวกันจนกลายเป็นฝุ่นที่เราพบในบ้าน

แล้วฝุ่นมาจากไหน?

ดิน เกสรดอกไม้ และอนุภาคอื่นๆ จากภายนอก

หากคุณหรือคนในบ้านใช้เวลาอยู่นอกบ้านเป็นเวลานาน ปัญหาฝุ่นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดิน และ เกสรดอกไม้ ซึ่งเกสรดอกไม้นั้นยังเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย สามารถเข้ามาในบ้านผ่านรองเท้า เสื้อผ้า และแม้กระทั่งเส้นผมของคุณ

ดังนั้น เมื่อคุณเดินไปมาภายในบ้านโดยที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดตัวเองก่อน คุณก็กำลังแพร่กระจายอนุภาคจากภายนอกโดยไม่รู้ตัว อนุภาคเหล่านี้จะลอยไปในอากาศ และ ไปเกาะตามเฟอร์นิเจอร์ และ พื้นผิวต่างๆ ในบ้านของคุณ สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นเมื่อคุณเปิดหน้าต่างหรือประตูไว้ ฝุ่น และ อนุภาคจากภายนอกจะเข้ามาในบ้าน และ สะสมตัวอย่างต่อเนื่อง

เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว

เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วถือเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นที่เลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากร่างกายของเราผลัดเซลล์ผิวเก่าออกทุกวัน ซึ่งเป็นกระบวนการตามธรรมชาติในการรักษาสุขภาพผิว แม้ว่าในขณะที่อาบน้ำหรือทำความสะอาดร่างกาย เซลล์ผิวที่ตายส่วนใหญ่จะถูกชะล้างออกไปกับน้ำ แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่หลุดออกมาระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ในขณะที่เรานอนหลับหรือทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้าน เซลล์ผิวที่หลุดออกมานี้จะกลายเป็นฝุ่นละอองเล็กๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ

เซลล์ผิวหนังที่หลุดร่วงสามารถสะสมได้ตามที่นอน หมอน และ ผ้าปูเตียง รวมถึงพื้นที่รอบเตียง และ ใต้เตียง นอกจากนี้ ฝุ่นจากเซลล์ผิวหนังยังเป็นอาหารสำคัญของไรฝุ่น ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไรฝุ่นเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีฝุ่นสะสมมาก เช่น บริเวณที่เรานอน ทำให้เกิดปัญหาฝุ่นที่มากขึ้นแม้จะพยายามทำความสะอาดห้องนอนบ่อยๆ

ถึงแม้ว่าคุณจะปิดประตูห้องนอนไว้เพื่อกันฝุ่นจากภายนอก แต่เนื่องจากฝุ่นจากเซลล์ผิวหนังเกิดจากตัวเราเอง มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงการสะสมของฝุ่นในบริเวณที่เรานอนหรือใช้เวลานานๆ วิธีที่ดีที่สุดในการลดฝุ่นจากเซลล์ผิวหนัง คือ การทำความสะอาดห้องนอนเป็นประจำ รวมถึงการซักผ้าปูที่นอน และ หมอนบ่อยๆ

ไรฝุ่น

เราได้พูดถึงไรฝุ่นไปบ้างแล้ว แต่ไรฝุ่นคืออะไรกันแน่? ไรฝุ่นเป็นแมลงขนาดจิ๋วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า พวกมันเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง และ สามารถพบได้แทบทุกที่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นในพรม เครื่องนอน หรือแม้กระทั่งผ้าม่าน ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมคุณควรทำความสะอาดสิ่งเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ

ไรฝุ่นอาศัยอยู่ในฝุ่นละออง และ มักจะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่เรามักใช้งานเป็นประจำ เช่น บนเตียง พรม หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ปกคลุมด้วยผ้า เนื่องจากไรฝุ่นกินเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วที่หลุดร่วงออกมา ทำให้พื้นที่ที่มีการสะสมของเซลล์ผิวหนังเป็นแหล่งอาหารที่ดีสำหรับมัน

ถึงแม้ไรฝุ่นจะไม่กัด หรือ ทำอันตรายโดยตรงต่อมนุษย์ แต่การที่มันสะสมในจำนวนมากอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ ไรฝุ่นและสิ่งที่มันทิ้งไว้ เช่น มูลของมัน เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ เช่น จาม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาวสำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดหรือโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ

ขนและสะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง

เช่นเดียวกับที่มนุษย์ผลัดเซลล์ผิวหนัง สัตว์เลี้ยงของคุณก็ผลัดสะเก็ดผิวหนัง และ ขนเล็กๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเช่นกัน หากคุณมีแมว สุนัข หรือสัตว์เลี้ยงที่มีขนอื่นๆ ก็ไม่ต้องแปลกใจหากคุณจะพบว่ามีปัญหาฝุ่นในบ้านมากขึ้น แม้ว่าคุณจะไม่มีสัตว์เลี้ยง ฝุ่นจากสัตว์เลี้ยงก็สามารถเข้าสู่บ้านของคุณได้ผ่านการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เมื่อคุณออกไปข้างนอก หรือ เมื่อมีแขกที่เลี้ยงสัตว์มาที่บ้านของคุณ

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ฝุ่นเป็นส่วนผสมของอนุภาคเล็กๆ และ อนุภาคที่มองไม่เห็นจากแหล่งต่างๆ สะเก็ดผิวหนัง และ ขนสัตว์เลี้ยงเป็นเพียงหนึ่งในแหล่งกำเนิดที่พบบ่อยที่สุด แต่ก็ยังมีอนุภาคอีกมากมายที่เป็นส่วนประกอบของฝุ่นในบ้าน

ฝุ่นจากสัตว์เลี้ยง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ในผู้ที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์ ขน และ สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยงสามารถแพร่กระจายไปทั่วบ้านโดยการลอยในอากาศ และ สะสมตามเฟอร์นิเจอร์ พรม และ เครื่องนอน การดูแลทำความสะอาดพื้นที่เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดปัญหาฝุ่น และ สารก่อภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยง

4 วิธีควบคุมฝุ่นในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ

แม้ว่าคุณจะไม่แพ้ฝุ่น แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่คุณจะต้องการกำจัดฝุ่นออกไป เพราะนอกจากจะทำให้บ้านดูสกปรกแล้ว การที่คุณสัมผัสกับฝุ่นอยู่ตลอดเวลายังส่งผลต่อสุขภาพทางเดินหายใจอีกด้วย หากคุณต้องการปรับปรุงคุณภาพอากาศในบ้าน และ กำจัดฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือเคล็ดลับการควบคุมฝุ่นที่ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าได้ผลจริง

1. ทำความสะอาดบ้านในความถี่ที่เหมาะสม
วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการกำจัดฝุ่นคือการทำความสะอาดบ้านทุกวัน อย่าปล่อยให้ฝุ่นสะสม เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข

การทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพต้องทำตามลำดับที่ถูกต้อง ซึ่งหมายความว่าควรทำความสะอาดจากด้านบนลงล่าง เช่น หากคุณดูดฝุ่นพื้นก่อนแล้วค่อยปัดฝุ่นบนพัดลมหรือโคมไฟ ฝุ่นจะตกลงบนพื้นอีก และ คุณจะต้องดูดฝุ่นซ้ำใหม่

2. เปลี่ยนชุดเครื่องนอนทุกสัปดาห์
การเปลี่ยนเครื่องนอนทุกสัปดาห์ อาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เกินไป แต่ให้จำไว้ว่าหนึ่งในแหล่งกำเนิดฝุ่นคือเซลล์ผิวหนังที่หลุดร่วง หากคุณต้องการป้องกันไรฝุ่น การรักษาความสะอาดของเตียงและการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน และ ปลอกหมอนทุกสัปดาห์ถือเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพ

3. เปลี่ยนแผ่นกรองในระบบทำความร้อนและความเย็น
ระบบทำความร้อน และ ความเย็นของคุณสามารถช่วยป้องกันการสะสมของฝุ่นได้โดยการกรองอากาศ ดังนั้น คุณสามารถควบคุมฝุ่นได้โดยเปลี่ยนแผ่นกรองมาตรฐานของระบบให้เป็นแผ่นกรองที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

บางแผ่นกรองสามารถดักจับฝุ่นได้ถึง 80% ถึง 95% ของอนุภาคที่มีขนาด 5 ไมครอนหรือใหญ่กว่า แต่ถ้าในบ้านคุณมีผู้ที่แพ้ฝุ่น ขอแนะนำให้ใช้แผ่นกรองที่สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้มากกว่า 99% ซึ่งหมายความว่าสามารถป้องกันแบคทีเรีย ไวรัส และ ควันไม่ให้เข้าสู่บ้านได้ด้วย

4. ใช้เครื่องฟอกอากาศ
เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA (high-efficiency particulate air) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดฝุ่นภายในบ้าน เมื่อเครื่องฟอกอากาศหมุนเวียนอากาศภายในห้อง มันจะดูดอนุภาคขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในอากาศและดักจับไว้ก่อนที่มันจะตกลงบนพื้นผิว เครื่องฟอกอากาศทำให้คุณภาพอากาศภายในบ้านดีขึ้น และ ทำให้หายใจได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

เครื่องฟอกอากาศ San ถือว่าเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพที่สุดในตลาด เนื่องจากมีระบบกรองสามขั้นตอน ประกอบด้วยแผ่นกรองเบื้องต้น แผ่นกรอง HEPA 13 และแผ่นกรองถ่านกัมมันต์ นอกจากนี้ยังมีระบบฆ่าเชื้อด้วยแสง UV-C ที่ช่วยทำลายไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อโรคอื่นๆ ที่ถูกดักจับในแผ่นกรอง

ปริมาณฝุ่นในบ้านของคุณขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตำแหน่งที่ตั้งของบ้าน จำนวนคนที่พักอาศัยหรือมาเยี่ยมบ้านของคุณ ไลฟ์สไตล์ จำนวนสัตว์เลี้ยง และ ความถี่ในการทำความสะอาด แม้ว่าจะไม่มีเครื่องมือวิเศษที่สามารถกำจัดฝุ่นในบ้านของคุณได้ทั้งหมดในทันที แต่การเข้าใจว่าอนุภาคเหล่านี้มาจากไหน และ ทำตามคำแนะนำที่เราแชร์ในบทความนี้ จะช่วยให้ปัญหาฝุ่นในบ้านของคุณดีขึ้นอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Sans

หากคุณอ่านบทความนี้แล้วมีความสนใจที่จะสั่งซื้อเครื่องทำความสะอาดฝุ่น เครื่องดูดฝุ่นคุณภาพ ติดต่อเราได้ที่ BermudaBKK

Similar Posts